ล่าสุด We Are Social ได้แชร์เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับพลังของ Social Media Community หรือกลุ่มสังคมโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่ทำให้ใครหลายๆ คนตอนนี้จำเป็นที่จะต้องอยู่บ้านกันมากขึ้น เพราะกลัวการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการกักตัวหรือแม้กระทั่งการ Work from Home ที่หลายๆ บริษัทได้เริ่มให้พนักงานตัวเองกลับไปทำงานที่บ้านกันแล้ว

ในโลกโซเชียลตอนนี้ ใครหลายๆ คนอาจจะเถียงว่า มันจะเป็นโอกาสได้ยังไง? ในเมื่อตอนนี้มีแต่ Fake News อยู่เต็มไปหมด จนทำให้ต้องหันกลับมาติดตามข่าวสารจาก Mainstream Media เหมือนเคยดีกว่า แต่ถ้าเราสังเกตให้ดีอีกสักนิด เราจะเห็นการใช้ Social Media ในแง่ดีมากมายค่ะ

อย่างในประเทศจีนช่วงแรกๆ ที่มีข่าวเรื่องการแพร่ระบาดนั้น ก็ได้ Social Media เนี่ยแหละค่ะ ที่ช่วยให้คนจีนที่ไม่ได้ Connect กันในชีวิตจริงแล้วได้เชื่อมต่อกัน และยังสามารถเชื่อมคนจีนเข้ากับคนทั่วโลกให้รับรู้ถึงสถานการณ์ไปได้พร้อมๆ กันได้

ใช้ Social Media อย่างไรให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด

Influencer Agency ชื่อว่า Obviously พบว่า:

• ยอด Impression ของแคมเปญบน Instagram ในช่วง Q4 2019 – Q1 2020 นั้นเพิ่มขึ้น 22% 
• ในขณะเดียวกัน ยอดการมีส่วนร่วมหรือ Engagement Rate บนแอปแหล่งรวมครีเอเตอร์วิดีโอสั้นอย่าง TikTok ก็เพิ่มสูงขึ้น 27% ในระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 
• บน Twitter มีผู้คนมากมายได้แชร์ Screenshots ถึงจำนวนชั่วโมงที่ตัวเองท่องอยู่บนออนไลน์ ซึ่งมีสูงถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน เพียงเพราะต้องการพูดคุย อัปเดตข่าวสาร และเชื่อมต่อกับคนอื่นๆ บ้าง

นอกเหนือจากนั้น นักร้องแรปเปอร์สาวพลัสไซส์อย่าง Lizzo ที่มียอด Followers ถึง 8.4 ล้านคน ก็ได้ออกมาใช้ช่องทาง Instagram ของเธอในการให้กำลังใจเพื่อนร่วมโลกให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันค่ะ โดยสิ่งที่เธอทำก็คือการเล่นเพลงให้คนมีสมาธิและผ่อนคลาย ป้องกันการตื่นตระหนกไปกับข่าวสารรอบตัว ทั้งยังใช้ความมีชื่อเสียงของตัวเองในการชักชวนให้ผู้คนระวังตัว ใส่แมสก์ ล้างมือบ่อยๆ และไม่ดูถูกหรือทะเลาะกันเอง

อีกหนึ่งตัวอย่างของพลัง Community บนโซเชียลก็คือ ถึงแม้หลายๆ Concert จำเป็นที่จะต้องถูกเลื่อนหรือยกเลิกไป แต่เหล่าศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง John Legends Chris Martin สาว Pink และศิลปินอื่นๆ อีกมากมายก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ เพราะพวกเขาได้จัด Live Concert พิเศษในช่องทางโซเชียลของตัวเองเพื่อส่งความสุขให้กับเหล่าแฟนๆ และคนทั่วโลก ยังไม่พอค่ะ ศิลปินและ Influencers ชื่อดังมากมาย ก็ได้ร่วมมือกับ WHO หรือองค์กรอนามัยโลกในการเป็นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ปล่อยข่าวที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้เพิ่มขึ้นค่ะ

ในต่างประเทศเอง ก็มีคนใจดีที่อาสาไปซื้อของกินของใช้ให้กับเพื่อนบ้านหรือคนในละแวกเดียวกันที่ไม่สามารถออกนอกบ้านได้ ไม่ว่าจะกักตัวอยู่ เป็นคนสูงวัยหรือใดๆ ก็ตาม ในสถานการณ์แบบนี้เรียกได้ว่าต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือจริงๆ ค่ะ

เทรนเนอร์หลายๆ คนก็ได้ออกมาอัดคลิป Workouts แจกฟรีบนออนไลน์ให้คนสามารถออกกำลังกายอยู่บ้านกันได้แบบไม่เบื่อหน่าย บริษัท Instagram และ We Are Social สาขาประเทศอิตาลีก็ได้ออกมาแชร์สูตรทำอาหารและไอเดียเมนูต่างๆ ให้ผู้คนมีอะไรทำตลอดช่วงระยะเวลาการกักตัวค่ะ 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหมือน Culture การใช้ชีวิตใหม่ๆ ที่เราทุกคนต้องปรับตัวกับมัน ถึงแม้เราจะไม่ได้ connect กับคนอื่นๆ ในชีวิตจริง แต่เพราะมี Social Media Community เลยทำให้เรายังสามารถ Connect กันได้อยู่ ซึ่งการปรับตัวนี้ไม่ใช่แค่เฉพาะสำหรับคนทั่วไปแบบเราๆ นะคะ แต่ยังรวมไปถึงหลายๆ แบรนด์ที่ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่คนไม่ออกจากบ้านด้วยค่ะ

แต่นั่นไม่ได้หมายถึงโอกาสการขายของแบบใหม่ที่แบรนด์จะสามารถยิง Ads อย่าง “อรุณสวัสดิ์ Work from home กับโจ๊กหมู…” หรือ “เห็นข่าวโควิดแล้วจิตตกไม่อยากให้คุณเครียด เติมน้ำตาลกันหน่อยนะ…” แต่มันคือการที่แบรนด์ต้องหาพื้นที่ของตัวเองในสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ให้เจอค่ะ

อย่าง Christian Dior Guerlain และ Givenchy ที่เป็นแบรนด์หรูในเครือบริษัทชื่อดัง LVMH ในประเทศฝรั่งเศสก็ได้เปลี่ยนจากการผลิตน้ำหอมชั่วคราว มาผลิตเจลล้างมือแทนเพื่อแจกโรงพยาบาลในประเทศฟรีๆ 

หลายๆ ซุปเปอร์มาร์เก็ตเองก็ปรับเวลาเปิดทำการให้เช้าขึ้น เพื่อรองรับเฉพาะลูกค้าผู้สูงอายุให้ได้สิทธิซื้อของก่อนคนที่ยังหนุ่มยังแน่น 

McDonalds UK และแบรนด์อาหารมากมายเองก็ได้มีการแจกเครื่องดื่มฟรีให้กับบุคลากรในเครือ NHS หรือระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นการตอบแทนและเติมพลังกับหน่วยงานที่ได้เสียสละดูแลผู้ป่วยในช่วงวิกฤตนี้ค่ะ

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของพลังโซเชียลที่เกิดขึ้นจากทั่วทุกมุมโลก ที่ทำให้เราเห็นว่า ถึงแม้ในทางกายภาพเราต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน แต่ในเรื่องของสภาพจิตใจนั้น มันถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน สร้าง Support ให้กันและกัน และให้คุณค่ากับอะไรที่สามารถเชื่อมเราให้ใกล้กันมากยิ่งขึ้นค่ะ

เขียนโดย: การตลาดวันละตอน

ที่มา: We Are Social