เทคนิคการจดโน้ตขั้นเทพ หาไอเดียธุรกิจ ชีวิจดีขึ้นได้ด้วยโน๊ตเล่มเดียว
07 Apr, 2020 / By
aandrcospace
ชายหนุ่มที่จะมาสอนวิธีจดโน้ตขั้นเทพคือคนนี้ครับ คุณ Maeda Yuji ประธานบริษัท SHOWROOM
(ถ้าถามคนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้จักบริษัทนี้ เพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับ Streaming Live ไอดอล
และนักแสดง AKB48 ก็ร่วมงานกับบริษัทนี้ครับ)
นอกจากจะเป็นประธานบริษัทอายุน้อยแล้ว เขายังเป็นเจ้าของหนังสือ Bestseller อีกด้วย
ผลงานหนังสือเล่มล่าสุดของเขาที่ชื่อว่า メモの魔力 หรือ The Magic of Memos
แค่ 2 วันแรกที่ออกขายก็ขายได้มากถึง 170,000 เล่ม เยอะมากๆ เป็นประวัติการณ์ในญี่ปุ่นเลยครับ
คุณ Maeda เล่าว่าคนที่เขียนโน้ตจดโน้ตส่วนใหญ่ จะมีจุดประสงค์ดังต่อไปนี้
1.จดโน้ตเอาไว้เพื่อเป็นการบันทึก ลืมเมื่อไหร่ก็กลับมาย้อนดูเนื้อหาที่จดไว้ในโน้ตได้
แต่อีกจุดประสงค์หนึ่งที่คุณ Maeda อยากเน้นย้ำ ในการจดโน้ตคือข้อนี้ครับ
2. “จดโน้ตเพื่อให้เกิดไอเดีย”
มีเพื่อนๆ คนไหนที่ใช้วิธีการจดโน้ต เพื่อหาไอเดียอยู่แล้วบ้างครับ?
เทคนิคง่ายๆ ที่คุณ Maeda แนะนำคือ ให้ใช้โน้ตที่กางออกได้ แล้วเห็นหน้าซ้าย และหน้าขวาพร้อมกัน เป็นการแบ่งพื้นที่จดตามโครงสร้างสมอง
หน้าซ้าย : ให้ใช้จดเรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งที่ได้ยินมา หรือข้อเท็จจริง (Facts) เป็นตัวแทนของสมองฝั่งซ้าย
หน้าขวา : ให้ใช้จดสิ่งที่ตัวเองคิด หรือไอเดีย (Ideas) เป็นตัวแทนของสมองฝั่งขวา
ที่ให้เขียนสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าซ้าย และใช้หน้าขวาในการเขียนไอเดียความคิด เพราะว่ากลไกสมองมนุษย์ถูกออกแบบว่า
“ถ้าเจอช่องว่างตรงไหน จะรู้สึกอยากเติม” หลังจากจดสิ่งที่เกิดขึ้นในหน้าซ้ายไปแล้ว ก็จะอยากเติมอะไรบางอย่างลงไปในหน้าขวาที่ว่างๆ อยู่ เมื่อเติมหน้าขวาก็จะเกิดการสังเคราะห์ความคิดขึ้น โดยอัตโนมัติ ทำบ่อยครั้งเข้า ก็จะติดเป็นนิสัย ทุกครั้งที่จดโน้ตก็จะมีการสังเคราะห์ความคิดตลอดครับ
วิธีนี้จะช่วยให้เกิดไอเดียต่างๆ หรือค้นพบอะไรบางอย่าง ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนก็ได้นะ
ฉะนั้นใครรู้สึกว่า เป็นคนไม่ค่อยมีไอเดีย ผมอยากเชิญชวนให้สร้างนิสัยการจดโน้ตตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ
มาดูเคสตัวอย่างประโยชน์จากการจดโน้ตของคุณ Maeda กัน
Maeda เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก พ่อแม่ของเขาจากไปตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เขาหาเงินเลี้ยงชีพตัวเองด้วยการเล่นกีตาร์เปิดหมวกข้างถนน ถ้ามีคนหยุดฟัง ประทับใจและใส่เงินให้ ก็จะมีเงินซื้อของกิน ช่วงแรกๆ เขาเล่นแต่เพลงที่อยากเล่น เลยไม่มีใครหยุดดูเลยสักคน เขาจึงคิดได้ว่า ไม่มีลูกค้าคนไหนหยุดฟังเพลง เพราะมัวแต่เล่นเพลงที่ตัวเองชอบ
เขาจึงจดสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นลงไปในสมุดโน้ต “ไม่มีลูกค้าคนไหนหยุดฟังเพลง เพราะมัวแต่เล่นเพลงที่ตัวเองชอบ” หลังจากครุ่นคิดสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็มีไอเดียว่า “งั้นครั้งต่อไปลองร้องเพลงที่ลูกค้าชอบฟังดู”ด้วยความช่างสังเกต Maeda เห็นว่าคนที่เดินผ่านไปมา ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน และสาวออฟฟิศ เขาจึงเริ่มร้องเพลงและเล่นกีตาร์เพลงที่มนุษย์เงินเดือน และสาวออฟฟิศน่าจะชอบ ปรากฏว่ามีคนหยุดดูเต็มเลยครับ
เมื่อคนที่หยุดดูหยุดฟังรู้สึกประทับใจ ทำให้ Maeda ได้เงินเก็บเป็นจำนวนมาก วันนึงมีลูกค้าคนนึงถาม Maeda ว่า เธอเล่นเพลง Shiroi Parasoru ของเซโกะ มัตสึดะได้มั้ย? (เพลงนี้เป็นเพลงฮิตของสาวออฟฟิศในยุคนั้น)
Maeda ไม่รู้จักเพลงนั้น แต่ก็ตอบพี่สาวไปว่า “เดี๋ยวจะกลับไปซ้อมมาครับ อาทิตย์หน้ามาฟังใหม่นะครับ”
Maeda ก็กลับไปซ้อมเพลงนั้นอย่างจริงจัง อาทิตย์นึงผ่านไปพี่สาวคนเดิมก็มาตามนัด และ Maeda ก็ร้องเพลงนี้ให้ฟัง
เธอรู้สึกประทับใจในตัว Maeda มากที่อุตส่าซ้อมเพลงนี้เพื่อเธอ เธอจึงให้รางวัลเป็นเงิน 10,000 เยนครับ ซึ่งเป็นมูลค่าสูงมากๆ สำหรับการเล่นกีตาร์เปิดหมวก
หลังจากเหตุการณ์นั้น Maeda กลับไปเขียนโน้ต เพื่อบันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ด้านซ้ายของโน้ตเขียนว่า
“ได้ซ้อมเพลงที่ลูกค้าขอมาอย่างจริงจังเป็นเวลา 1 อาทิตย์”
“พี่สาวที่ขอเพลงมาดูมีความสุขมากเมื่อได้ฟังเพลงที่เราเล่น”
ด้านขวาของโน้ตเขาเขียนว่า “ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจเมื่อรู้ว่า เราได้มุ่งมั่นตั้งใจทุ่มเทเวลาที่มีให้กับลูกค้า”
ซึ่งนี่คือสิ่งที่ Maeda เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ แล้วเขาก็เอาหลักคิดนี้ไปใช้กับเหตุการณ์อื่นๆ ด้วย
เริ่มจากค่อยๆทำที่น้อยจนติดเป็นนิสัย
สำหรับใครที่ปกติไม่ค่อยจดโน้ต นึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไร รู้สึกว่าในโน้ตฝั่งซ้ายที่คุณ Maeda บอกนั้น เขียนยากเหลือเกิน
คุณ Maeda แนะนำว่า ให้เริ่มเขียนเมื่อเรารู้สึกว่า “มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นหรือมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปครับ”
ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
1. สิ่งที่ทำให้เรามีความรู้สึกร่วม เช่น ดีใจ เสียใจ เจอแล้วต้องหยุดดู ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างเดินเล่น เราเผลอไปเห็นดอกซากุระสวยมาก ทำให้เราได้คิดอะไรบางอย่าง สิ่งนี้ก็เอาลงไปจดในโน้ตฝั่งซ้ายได้แล้วครับ หรือจะเป็นสถานการณ์ที่เราดูหนังในโรงภาพยนตร์ บางส่วนบางตอนของหนังทำให้เรารู้สึกประทับใจมาก จนน้ำตาไหลออกมา อันนี้ก็ควรเอามาเขียนในโน้ตฝั่งซ้ายเช่นกันครับ
2. สิ่งที่กำลังฮิตในโลก หรือทำให้ผู้คนมีความรู้สึกร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมนูของหวานบางอย่างที่ฮิตมากๆ จนทำให้คนจำนวนมากต้องต่อคิวรอ อันนี้ก็เอามาจดโน้ตลงบนหน้าซ้ายได้ หรือจะเป็นข้อความบางอย่างในทวิตเตอร์ ที่เราเห็นว่ามีคน Retweet ข้อความเต็มไปหมด เราก็เอามาจดไว้ลงบนหน้าซ้ายของโน้ต หน้าซ้ายของโน้ตจะบันทึก “เรื่องที่ทำให้เรารู้สึกร่วม ประทับใจ ฯลฯ” และ “สิ่งที่กำลังฮิต สิ่งที่ทำให้คนหมู่มากรู้สึกร่วมได้”
ส่วนฝั่งขวาก็ให้เขียนความรู้สึก/ความคิดเห็นของเราที่มีต่อเรื่องนั้นๆ ถ้าทำอย่างนี้ได้เราจะได้ไอเดียใหม่ๆ เป็นจำนวนมากเลยครับ และเคล็ดลับที่จะทำให้เราแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องต่างๆ ได้เก่งขึ้นคือ...
ให้เราสร้างนิสัยตั้งคำถามกับทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันครับ เช่น ในการอัดเทปรายการนี้คุณ Maeda รู้สึกสะดุดตาผู้ร่วมรายการท่านนึง ที่จะแต่งชุดบนล่างเป็นสีแดงทั้งหมด เมื่อตั้งคำถามว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงแต่งชุดบนล่างเป็นสีแดง จนทำให้เขารู้สึกสะดุดตาได้ คุณ Maeda ก็ได้คำตอบในตัวเองว่า เขาคงใช้เรื่องสีช่วยให้คนรู้สึกสะดุดตา พอคิดได้ดังนั้นก็สังเคราะห์เป็นความคิดว่า “ถ้าวันข้างหน้าอยากเป็นที่จดจำบ้าง เรื่องสีอาจจะเป็นเรื่องหนึ่งที่จะช่วยเราได้นะ”
เขาจะมีนิสัยเอาโน้ตติดตัวไปด้วยทุกที่ แม้กระทั่งโต๊ะกินข้าว เขาก็ยังจดเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังบางอย่าง
ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเขา ถ้าถามว่า ทำยังไงถึงจะสร้างนิสัยจดโน้ตได้ตลอดเวลาแบบนี้ คุณ Maeda แนะนำว่าขั้นตอนง่ายสุดคือ การออกไปซื้อสมุดโน้ตที่ชอบ แค่เห็นแล้วรู้สึกอยากขีดเขียนแล้ว!
อย่างคุณ Maeda เอง ก็ใช้โน้ตยี่ห้อ MOLESKINE ยี่ห้อเดียวกันกับที่แวนโก๊ะ และปิกัสโซ่ศิลปินระดับโลกใช้
เขาบอกว่าใช้แล้วดูมีคลาส ดูฉลาดเหมือนศิลปินเหล่านั้น นิสัยชอบจดโน้ตของเขาเอง ก็ช่วยให้เกิดไอเดียในการตั้งบริษัทชื่อว่า SHOWROOM ด้วย และนี่คือเวทมนตร์ของการจดบันทึก เพื่อนๆ จะไม่มีวันเข้าใจเลย ถ้าไม่ได้ลงมือทำในชีวิตประจำวันของตัวเองนะ
ลองฝึกเขียนโน้ตตามวิธีของคุณ Maeda ดู!
ที่มา: JapanSalaryman