×
หน้าหลัก > ข่าวและประกาศ > 3 ข้อผิดผลาดในการโฆษณาบน Facebook และ Google Ads
3 ข้อผิดผลาดในการโฆษณาบน Facebook และ Google Ads
3 ข้อผิดผลาดในการโฆษณาบน Facebook และ Google Ads
23 Jul, 2019 / By aandrcospace
Images/Blog/tsHBuPLt-Blog 3 ความผิดผลาดโฆาณาบน google ad and FB.png

ความผิดผลาด 3 ประการที่อาจเกิดขึ้นได้ในการทำโฆษณาออนไลน์

1. ความผิดพลาดโฆษณา จากการตั้งค่างบประมาณผิด

โดยปกติทั้ง Facebook และ Google Ad จะมีให้ใส่ค่างบประมาณในการยิงแอด 2 แบ่งใหญ่ๆ คือ

  1. แบบรายวัน (Daily)
  2. แบบตลอดระยะเวลาแคมเปญ (Lifetime)

ซึ่งถ้าหากเราไม่ทันดูให้ดีเช่น Facebook มักจะตั้งค่าเริ่มต้นมาให้เป็น แบบรายวัน และบางที่ตัวเลขที่ทางระบบลงมาให้เริ่มต้นอาจจะเป็นหลักหมื่น หากเราเผลอกดไป กว่าจะรู้ตัวอีกที อาจจะได้ได้จ่ายกันเป็นแสนแน่ๆ 😵😵

เพราะฉนั้นเราจึงควรเช็ค 3 อย่างหลักๆ ทุกครั้ง:

  • เลือกประเภทของการแบ่งงบประมาณ โฆษณาแบบรายวัน (Daily) และโฆษณาแบบทั้งแคมเปญ (Lifetime)
  • ใส่จำนวนเงินที่ต้องการให้ถูกต้อง
  • วันที่เริ่มโฆษณา และวันที่ต้องการให้โฆษณาจบ

2. Bidding ต่ำเกินไป ทำให้โฆษณาไม่รัน และใช้เงินได้ไม่ถึงเป้าหมาย

ก็ตามหัวข้อเลย บางท่านอาจจะกลัวเสียเงินเยอะ ลงอันงบไว้ต่ำๆ โดยเฉพาะคนที่เริ่มหัดยิงแอดใหม่ๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ โฆษณาจะไม่สามารถแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือบางทีก็ไม่แสดงเลย เพราะงบที่เราใส่ไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นๆ ได้ 

วิธีแก้คือ เริ่มจากการรันโฆษณาในรูปแบบราคาที่ต่ำที่สุด แบบที่ระบบคิดเองให้ก่อน แล้วจึงค่อยดูราคามาตรฐาน ว่าราคาที่เราทำลังทำอยู่นั้น อยู่ที่เท่าไร สมมติว่าราคา CPA โดยเฉลี่ยของเราอยู่ที่ 3,000 บาท ใน Google Ads ส่วนของ Paid Search ถ้าเราตั้งค่า CPA ในราคาที่ 100 บาท แทน นั่นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปได้ยากมาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว เพราะราคานั้นต่ำเกินไป แต่ถ้าเราลองตั้ง CPA ให้อยู่ที่ 2,500 บาท แน่นอนว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า

3. จุดมุ่งหมายของการโฆษณา ผิดวัตถุประสงค์

การทำโฆษณาทั้งใน Facebook และ Google Ad มีให้เลือกได้หลายวัตถุประสงค์ เพราะฉนั้นเราควรจะเลือกให้ถุกต้อง เพื่อให้โฆษณาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เช่น

  • ถ้าเราต้องการ Awareness ต้องการเปิดตลาดสินค้าใหม่ ทำ Branding ต้องการให้คนเห็นเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่า Google Ads ในส่วนของ Paid Search แทบจะไม่ตอบโจทย์เลย เพราะคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้องต่อวันมีจำกัด จึงควรไปทำโฆษณาในรูปแบบอื่น อย่าง Facebook ก็อาจจะดี
  • ถ้าหากสินค้าเราเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว และต้องการจะขายผ่านทางออนไลน์ให้ได้มากขึ้น การเร่งการตัดสินใจของคนผ่าน Paid Search อย่าง Google Ad อาจจะได้ผลมากกว่า

อนึ่งข้อแตกต่างระหว่างการทำโฆษณาผ่าน Facebook และ Google Ad คือ

  • Facebook เป็นการทำการตลาดแบบ Push Marketing คือ เน้นผลักสินค้าของเราไปให้รู้ค้าเผื่อเขาจะต้องการ
  • Google Ad เป็นการทำการตลาดแบบ Pull Marketing คือ ลูกค้ารู้จักสินค้าอยู่แล้ว และมีความต้องการที่จะซื้อ เหลือแค่ต้องการหาข้อฒุลเพิ่มเติมเท่านั้น

ทั้งนี้จะยิงโฆษณาออนไลน์ให้เก่ง ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ด้วย 

ที่มา: Our Green Fish The Digital Marketing

Like
ร้านค้าออนไลน์
© 2006-2024
Vevo Systems Co., Ltd.