การศึกษาแบบ STEM
11 May, 2019 / By
aandrcospace
S.T.E.M ย่อมาจากอะไร
คำว่า S.T.E.M ย่อมาจาก
S = Science อ่านว่า ซาย-ยันซฺ หรือ ไซ-เอ็นซ แปลว่า วิทยศาสตร์
T = Technology อ่านว่า เทค-โน-โล-ยี่ แปลแบบทับศัพท์ก็ เทคโนโลยี หรือการนำเอาวิทยาศาสตร์มาใช้ในทางปฎิบัติ
E = Engineering อ่านว่า เอน-จิ-เนีย-ริง แปลว่า วิศวกรรมศาสตร์
M = Mathematics อ่านว่า แม-ธิ-แมท-อิคซ แปลว่า คณิตศาสตร์
แล้วช่วยในเรื่องการศึกษาอย่างไร
จากคำนิยามโดย สะเต็มศึกษา ประเทศไทย การศึกษาแบบ S.T.E.M เป็นแบบบูรณาการโดยการเอาวิชาทั้ง 4 มาประยุกต์เข้ากับการเรียนการสอน และนำไปใช้กับการดำเนินชีวิตจริง และการทำงาน
กล่าวคือ เป็นการใช้แนวทางการศึกษาของ 4 วิชาที่กล่าวมาข้างต้น โดยเน้นการนำองก์ความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการหรือผลผลิตใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต การเรียน และการทำงาน การสอนจะเป็นแบบนำความรู้จาก 4 วิชานี้ไปประยุกต์ใช้จริง
การเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา จะไม่ได้เน้นไปเพียงแต่การท่องจำ แต่ยังให้นักเรียนทำความเข้าใจในทฤษฎี และกฎเหล่านั้น ผ่านการนำไปปฎิบัติจริง อีกทั้งยังควบคู่ไปกับ การพัฒนาทักษะการคิด ตั้งคำถาม แก้ปัญหาและการหาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อค้นพบใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนนักเรียนจะสามารถนำการค้นพบใหม่ๆ นั้นไปใช้กับชีวิตประจำวันได้
ลักษณะของการเรียนสะเต็มศึกษา
ลักษณะของการเรียนสะเต็มศึกษามี 5 ประการด้วยกันคือ
1. เป็นการสอนที่เน้นการบูรณาการ
2. ช่วยนักเรียนสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาวิชาทั้ง 4 กับชีวิตประจำวันและการทำอาชีพ
3. เน้นการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21
4. ท้าทายความคิดของนักเรียน
5. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น และความเข้าใจที่สอดคล้องกับเนื้อหาทั้ง 4 วิชา
จุดประสงค์หลักของการเรียนแบบ S.T.E.M
เพราะฉนั้นแล้วจุดประสงค์หลักของการเรียนรู้สะเต็มศึกษาคือ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรักและเห็นคุณค่าของการเรียนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ และเห็นว่าวิชาเหล่านั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถนำมาใช้ได้ทุกวัน
ที่มา: STEM Education Thailand